ในยุคที่สิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นสำคัญระดับโลก การลดใช้พลาสติกแบบ Single-Use (ใช้ครั้งเดียวทิ้ง) กลายเป็นเป้าหมายร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้บริโภคทั่วโลก พลาสติกประเภทนี้ เช่น ถุงพลาสติก หลอด กล่องอาหาร หรือขวดน้ำแบบใช้แล้วทิ้ง เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญของปัญหาขยะล้นโลกและมลพิษทางทะเล
ปัญหาของพลาสติกใช้ครั้งเดียว
พลาสติกแบบ Single-Use มีข้อดีคือราคาถูก น้ำหนักเบา และใช้งานสะดวก แต่ในทางกลับกัน พลาสติกเหล่านี้มักไม่มีระบบจัดการหลังการใช้งานที่เหมาะสม จึงจบลงด้วยการกลายเป็นขยะที่ใช้เวลาย่อยสลายนานหลายร้อยปี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลและระบบนิเวศโดยรวม
ทางออก: บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ซ้ำได้ (Reusable Packaging)
หนึ่งในทางออกที่ยั่งยืนคือการเปลี่ยนมาใช้ บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ไม่ว่าจะเป็น:
- ภาชนะอาหารที่ใช้ซ้ำได้ เช่น กล่องอาหารสแตนเลส กล่องพลาสติกเกรดอาหารที่แข็งแรง และสามารถล้างทำความสะอาดได้
- ขวดน้ำและแก้วแบบพกพา ที่สามารถเติมเครื่องดื่มซ้ำได้ ลดการใช้ขวดพลาสติก
- ถุงผ้าหรือกล่องบรรจุภัณฑ์แบบแข็งแรง สำหรับการขนส่งสินค้า
- ระบบบรรจุภัณฑ์แบบฝากคืน (returnable packaging) เช่น การคืนกล่องหรือขวดเปล่าเพื่อรีฟิลหรือใช้งานต่อ
ข้อดีของพลาสติกใช้ซ้ำได้แบบ PP (Polypropylene)
PP หรือ โพลีโพรพิลีน เป็นหนึ่งในวัสดุที่นิยมใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์แบบใช้ซ้ำ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ เช่น:
- ✅ ทนความร้อน: สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้ถึงประมาณ 100°C–120°C เหมาะกับการใช้งานในไมโครเวฟหรือเครื่องล้างจาน
- ✅ น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง: ใช้งานสะดวกแต่ไม่เปราะหรือแตกหักง่าย
- ✅ ทนต่อสารเคมี: ปลอดภัยเมื่อนำไปใช้กับอาหารหรือผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล
- ✅ นำกลับมาใช้ซ้ำได้หลายครั้ง: มีอายุการใช้งานยาวนานเมื่อเทียบกับพลาสติกชนิดอื่น
- ✅ รีไซเคิลได้: แม้จะใช้ซ้ำได้ แต่เมื่อหมดอายุการใช้งาน ก็สามารถนำไปเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้
- ✅ ต้นทุนเหมาะสม: เมื่อเทียบกับวัสดุใช้ซ้ำชนิดอื่น เช่น สแตนเลส หรือแก้ว พลาสติก PP ถือว่ามีต้นทุนที่ประหยัดกว่า เหมาะกับการผลิตในปริมาณมาก
ประโยชน์ของการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ซ้ำได้
- ลดขยะพลาสติกได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ประหยัดต้นทุนระยะยาว แม้ต้นทุนเริ่มต้นจะสูง แต่สามารถใช้งานได้หลายครั้ง
- สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แบรนด์ โดยแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
- ตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน